เจ้าหน้าที่สอบสวนเหตุเครื่องบินโบอิ้ง ดรีมไลเนอร์ลงจอดฉุกเฉินในญี่ปุ่น เผยวันนี้ (24) ว่าพวกเขาจะรื้อกล่องแบตเตอรี หลังจากตรวจสอบแล้วไม่พบหลักฐานว่าเกิดกระแสไฟกระชากฉับพลันแต่อย่างใด ความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้เนื่องจากแบตเตอรีร้อนผิดปกติกลายเป็นความ กังวลสำคัญ หลังเกิดเหตุที่นักบินต้องนำเครื่องบินของสายการบินออล นิปปอน แอร์เวยส์ลงจอดฉุกเฉินเมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดควันไฟ ซึ่งคาดว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับแบตเตอรีของเครื่องบิน ภายหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่สอบสวนได้เผยภาพแบตเตอรีของเครื่องบินลำดังกล่าว ซึ่งไหม้เกรียมเป็นสีดำ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระบุในวันนี้ว่า ไม่พบสิ่งบ่งชี้ถึงไฟที่ไหม้แบตเตอรี ขณะที่ข้อมูลซึ่งรวบรวมจากอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบินดิจิตอล หรือกล่องดำยังแสดงให้เห็นว่า ไม่มีกระแสไฟกระชากฉับพลันเกิดขึ้นในแบตเตอรีนั้นด้วย เจ้าหน้าที่คณะกรรมาธิการความปลอดภัยการคมนาคมขนส่งญี่ปุ่น (เจทีเอสบี) รายหนึ่งชี้ว่า ความจริงแล้ว กระแสไฟในแบตเตอรีนั้นอยู่ในระดับปกติ และตกลงอย่างรวดเร็ว ก่อนระบบแจ้งเตือนทำงาน ซึ่งทำให้นักบินต้องนำเครื่องลงจอดฉุกเฉิน เขายังระบุว่า ไม่อาจมองข้ามความเป็นไปได้ที่แบตเตอรีลิเธียม-ไอออน เหมือนกับที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือ และแท็บเลตคอมพิวเตอร์ ก้อนใดก้อนหนึ่ง ในจำนวน 8 ก้อนที่ประกอบอยู่ในกล่องแบตเตอรี มีประจุไฟเกิน จึงจะต้องมีการรื้อกล่องแบตเตอรีนั้นออกมาตรวจสอบแต่ละหน่วยย่อย เจ้าหน้าที่จากเจทีเอสบี และคณะกรรมาธิการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นทีเอสบี) จะแยกชิ้นส่วนของกล่องแบตเตอรี ณ สำนักงานบริษัท จีเอส-ยัวซา ผู้ผลิตแบตเตอรีของเครื่องบินสายพันธุ์ใหม่ของโบอิ้งดังกล่าว ในเมืองเกียวโต ส่วนเครื่องบรรจุไฟแบตเตอรีจะถูกส่งไปยังผู้ผลิตในสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการตรวจสอบด้วย เจ้าหน้าที่สอบสวนเสริม ทีมเจ้าหน้าที่นานาชาติ ซึ่งรวมถึงวิศวกรจากบริษัทเธลส์ ซึ่งออกแบบระบบไฟฟ้าให้กับดรีมไลเนอร์ ได้ทำซีทีสแกนแบตเตอรีดังกล่าว ณ โรงตรวจสอบของสำนักงานอวกาศญี่ปุ่น ในกรุงโตเกียวแล้วสัปดาห์นี้