เงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากมีรายงานว่ายอดค้าปลีกเดือนก.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินที่ปลอดภัย และหันไปซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า ทั้งนี้ เวลา 09.04 น.ตามเวลานิวยอร์กในวันนี้ สกุลเงินเยนอ่อนค่าลง 0.4% แตะระดับ 78.74 เยนต่อดอลลาร์ และปรับตัวลง 0.4% แตะที่ 102.01 เยนต่อยูโร ขณะที่เงินยูโรทรงตัวอยู่ที่ 1.2955 ดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนลดการถือครองเงินเยนซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% แตะ 412.94 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเดือนที่ 3 ติดต่อกันหลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค. และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8% สะท้อนว่าผู้บริโภคมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และจุดประกายความหวังว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นอาจช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไตรมาส 3 ขยายตัวได้ดีกว่าที่มีการประเมินกันไว้ ปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.เพิ่มสูงขึ้นก็คือ ยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พุ่งขึ้น 4.5% เพราะได้แรงหนุนส่วนหนึ่งมาจากการวางจำหน่าย iPhone 5 ในเดือนที่แล้ว ทั้งนี้ ยอดขายสินค้าประเภทดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2554 ซึ่งเป็นช่วงที่ iPhone 4S เปิดตัว ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากนายวูล์ฟกัง ชอยเบิล รัฐมนตรีคลังเยอรมนีกล่าวว่า เยอรมนีจะไม่มีวันผิดนัดชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าแรงบวกของเงินยูโรจะถูกจำกัดลง เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเพื่อจับตาดูว่าสเปนจะต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินหรือไม่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ที่กรุงบรัสเซลส์ ในวันที่ 18-19 ต.ค.นี้