กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ก.ย. ลดลง 26,000 ราย มาอยู่ที่ 359,000 ราย ซึ่งดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 375,000 ราย บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ หลังจากที่ค่อนข้างผันผวนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 ก.ย. ถูกปรับทบทวนขึ้นเป็น 385,000 ราย จากระดับ 382,000 รายในรายงานก่อนหน้านี้ สำหรับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์นั้นก็ลดลงเช่นกัน โดยลดลง 4,500 ราย มาอยู่ที่ 374,000 ราย โดยข้อมูลนี้ถูกมองว่าสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่า เพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์ การที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานกลับมาปรับตัวลดลงอีกครั้ง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า บริษัทต่างๆในสหรัฐอาจมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่ายอดขายหรือรายได้ของบริษัทจะฟื้นตัวขึ้น ขณะที่อัตราว่างงานอาจชะลอตัวลงจากที่อยู่ในระดับสูงกว่า 8% มาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อต้นเดือนนี้ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 96,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานเดือนส.ค.นั้น แม้ว่าลดลงสู่ระดับ 8.1% จากระดับ 8.3% ในเดือนก.ค. แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก โดยอัตราว่างงานอยู่เหนือระดับ 8% มาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ตลาดแรงงานที่ซบเซาเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐตัดสินใจประกาศใช้มาตรการ QE3 ด้วยการซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จนกว่าแนวโน้มตลาดแรงงานจะฟื้นตัวดีขึ้น