ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศสประกาศในวันพฤหัสบดี ยืนยันว่าทหารฝรั่งเศสจะไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการเข้าข่ายแทรกแซงกิจการภายในของแอฟริกากลาง ที่กำลังประสบปัญหาด้านความมั่นคง หลังกองกำลังฝ่ายกบฏสามารถรุกคืบเข้ายึดพื้นที่จำนวนมากตลอดหลายสัปดาห์ที่ ผ่านมา “ทหารของเราจะทำหน้าที่เพียงแค่การเข้าไปปกป้องพลเมืองฝรั่งเศสที่มี อยู่ราว 1,200 คน และปกป้องผลประโยชน์ของเราในสาธารณรัฐแอฟริกากลางเท่านั้น ทหารของเราไม่มีหน้าที่ปกป้องรัฐบาลจากกลุ่มกบฏ และจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของแอฟริกากลางเด็ดขาด ยุคสมัยแห่งการแทรกแซงจากปารีสได้จบสิ้นไปนานแล้ว” ประธานาธิบดีได้กล่าว หลังจากนั้น ประธานาธิบดีออลลองด์ยังยืนยันว่า ทหารฝรั่งเศสจะไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆต่อประชาชนชาวแอฟริกากลางที่ต้องอพยพ หนีภัยการสู้รบ ยกเว้นจะมีมติจากองค์การสหประชาชาติ (UN) เท่านั้น “ผมเห็นด้วยว่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์ควรได้รับการปกป้อง แต่ทหารฝรั่งเศสจะทำเฉพาะหน้าที่ของเราเท่านั้น ซึ่งนั่นก็คือความปลอดภัยของพลเมืองฝรั่งเศส ชะตากรรมของชาวแอฟริกากลางจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่ธุระของเรา” ออลลองด์กล่าวอีกครั้ง ท่าทีล่าสุดของผู้นำฝรั่งเศส วัย 58 ปีมีขึ้นเพียง 1 วันหลังจากที่มีกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนหลายร้อยคนเดินทางมาชุมนุมกันบริเวณ ด้านหน้าสถานทูตฝรั่งเศสในกรุงบังกี เมืองหลวงของสาธารณรัฐแอฟริกากลาง โดยผู้ชุมนุมต่างแสดงความโกรธแค้นที่รัฐบาลปารีสนิ่งเฉยไม่ยอมดำเนินการใดๆ เพื่อขัดขวางการรุกคืบของฝ่ายกบฏ ด้านข้อมูลของกระทรวงกลาโหมฝรั่งเศส ระบุว่า ขณะนี้ฝรั่งเศสมีทหารราว 250 นายประจำการอยู่ภายในสนามบินนานาชาติ “บังกี เอ็มโปโก” ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงบังกีไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 7 กิโลเมตร โดยภารกิจหลักของทหารจากเมืองน้ำหอมเหล่านี้คือการสนับสนุนทางเทคนิคแก่กอง กำลังรักษาสันติภาพของ 10 ประเทศที่เป็นสมาชิกของประชาคมเศรษฐกิจแห่งรัฐในภูมิภาคแอฟริกาตอนกลาง (ECCAS) เท่านั้น ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในเวลานี้รัฐบาลของสาธารณรัฐแอฟริกากลางภายใต้การนำของประธานาธิบดีฟรองซัว ส์ โบซิเซ วัย 66 ปี รวมถึงกองกำลังที่ภักดีต่อรัฐบาล ได้แต่ตั้งมั่นอยู่ภายในกรุงบังกี เท่านั้น ขณะที่ฝ่ายกบฏซึ่งสามารถยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไว้ได้ ยังคงรุกคืบอย่างต่อเนื่องจนอยู่ห่างจากเมืองหลวงของประเทศราว 300 กิโลเมตรเท่านั้น