สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าสเปนจะขอความช่วยเหลือด้านการเงินอย่างเป็นทางการ ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.23% แตะที่ 1.2918 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2888 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ขยับขึ้น 0.04% แตะที่ 1.6134 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6128 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.26% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.170 เยน จากระดับ 77.970 เยน และร่วงลง 0.19% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9364 ฟรังค์ จากระดับ 0.9382 ฟรังค์ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.90% แตะที่ 1.0263 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0356 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับลง 0.01% แตะที่ 0.8270 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8271 ดอลลาร์สหรัฐ สกุลเงินยูโรได้แรงหนุนหลังจากสื่อต่างประเทศว่า สเปนได้เตรียมขอความช่วยเหลือด้านการเงินอย่างเต็มรูปแบบในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะปูทางให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศใช้โครงการซื้อพันธบัตร ทั้งนี้ ภายใต้โครงการดังกล่าวที่นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีประกาศเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมานั้น อีซีบีจะสามารถเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศที่ประสบปัญหาหนี้ได้ก็ต่อเมื่อประเทศนั้นได้ยื่นขอความช่วยเหลือด้านการเงินอย่างเป็นทางการ และการให้ความช่วยเหลือสเปนซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 4 ของยุโรปนั้น ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการรับมือกับวิกฤตหนี้ยุโรป อย่างไรก็ตาม นายมาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปนได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว โดยกล่าวว่าการขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากยุโรปจะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะเพิ่มขึ้นราว 110,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 8.2% ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 8.1% ของเดือนส.ค.