โอเมก้า 3 คือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนที่ 'ดี' ประเภทหนึ่ง ซึ่งสำคัญสำหรับสุขภาพของเรา แต่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ ดังนั้น ต้องได้มาจากอาหารที่รับประทาน อาหารที่เป็นแหล่งสำคัญของกรดไขมันโอเมก้า 3 คือ ปลาทะเล และอาหารทะเล จำพวก หอย ปลาหมึก กุ้ง ปู ส่วนในพืชนั้นมีเฉพาะพืชบางชนิด เช่น น้ำมันละหุ่ง น้ำมันคาโนลา และน้ำมันถั่วเหลือง กรดไขมันโอเมก้า 3 ส่วนใหญ่พบได้ในปลามากที่สุด เพราะปลาสามารถสร้างไขมันเหล่านี้จากสาหร่ายที่กินเข้าไป ดังนั้น จึงเป็นแหล่งที่ดีเยี่ยมให้แก่คนที่รับประทานปลา หรือน้ำมันปลาที่มีโอเมก้า 3 ปลาที่มีโอเมก้า 3 สูง ได้แก่ ปลาซาร์ดีน ปลาเทราต์สมุทร ปลาแซลมอนแอตแลนติก ปลาทูน่า ปลาแฮร์ริง ปลาแมกเคอเรล และจากการวิจัยพบว่า ปลาทะเลไทย เช่น ปลาทู ปลารัง ปลากะพง ปลาเก๋า ปลาสำลี ปลาอินทรีย์ ปลาโอ ฯลฯ ก็มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณที่เหมาะสมเช่นกัน ขณะที่ปลาน้ำจืดบางชนิด เช่น ปลาช่อน ปลาบู่ ปลานวลจันทร์ ฯลฯ ก็มีบ้างแต่ไม่มากนัก โอเมก้า 3 ถูกค้นพบว่ามีประโยชน์สำคัญด้านสุขภาพเป็นครั้งแรกในช่วงปี 1960 เมื่องานวิจัยทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่า ชาวเอสกิโมและญี่ปุ่นที่บริโภคปลาและอาหารทะเลมากกว่าประชากรประเทศอื่นๆ มีการเกิดโรคหัวใจและภาวะอื่นๆ น้อยมาก และจากการค้นคว้าวิจัยต่อๆมาก็พบว่า โอเมก้า 3 มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างสุขภาพที่ดี และสามารถป้องกันโรคหลายชนิด โดยมีกรดไขมันที่สำคัญ คือ กรดไอโคซาเพนทีโนอิก(Eicosapentaenoic acid หรือ EPA) และ กรดโดโคซาเฮกซีโนอิก(Docosahexaenoic acid หรือ DHA) ซึ่งช่วยในการทำงานของสมอง ตับ และระบบประสาทที่เกี่ยวกับการพัฒนาเรียนรู้ และจอประสาทตาในการมองเห็น ช่วยบำรุงการทำงานของตา และช่วยควบคุมความบกพร่องของสายตาที่เกี่ยวข้องกับวัย นอกจากนี้ โอเมก้า 3 ยังช่วยส่งเสริมการทำงานของหัวใจ เนื่องจากมีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิต ลดไขมันเลว LDL และไตรกลีเซอไรด์ ขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มไขมันดี HDL ซึ่งจะช่วยลดการสะสมของไขมันที่ผนังหลอดเลือด อันเป็นต้นเหตุสำคัญของโรคหลอดเลือดอุดตัน ทำให้ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือด และอัมพฤกษ์อัมพาต กรดไขมันชนิดนี้ยังช่วยลดภาวะข้ออักเสบ และลดปฏิกิริยาการก่อภูมิแพ้ ชะลอการเกิดมะเร็งบางชนิด เช่นมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก รวมทั้งช่วยปรับปรุงระบบไหลเวียนโลหิต ลดภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเรียนรู้และความจำ และลดความเสี่ยงในการเป็นอัลไซเมอร์ด้วย มีการศึกษาวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้พบว่าการได้รับ DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณสูงขึ้น ช่วยรักษาสุขภาพของฟันและเหงือก เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอัตราที่ต่ำลงของการเกิดโรคปริทันต์อักเสบ รู้อย่างนี้แล้ว เพื่อนก็หันมากินปลาทะเลกันเถอะค่ะ