ภาวะตลาดหุ้นไทยผันผวนตามทิศทางตลาดต่างประเทศ วานนี้ (8 ต.ค.55) พบว่า ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนมากเล่นกันในแดนลบ โดยเฉพาะตลาดทางยุโรปติดลบกันเกือบ 1% จากความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจที่ยังตกต่ำ และการจ้างงานในสหรัฐลดลง ทำให้วิตกว่าจะมีผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไปด้วย ขณะเดียวกัน ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าก็ยังส่งสัญญาณในเชิงลบ ทำให้เชื่อกันว่าตลาดดาวโจนส์ในวันนี้จะปิดในแดนลบ นอกจากนี้นักลงทุนต่างชาติได้มีการขายหุ้นออกค่อนข้างมาก เพราะไม่มั่นใจในปัจจัยแวดล้อมว่าจะดีขึ้นได้ จึงเลือกขายทำกำไรออกไปก่อน จึงพบว่าวานนี้นักลงทุนต่างชาติแทบจะเป็นผู้นำในการขายหุ้นโดยขายไปถึง 780.92 ล้านบาท ส่วนกองทุนรวมขาย 219.27 ล้านบาท และโบรกเกอร์ขายตามอีก 181.63 ล้านบาท ผลสุดท้ายตกอยู่ที่นักลงทุนรายย่อยทั่วไป ที่เข้ามาซื้อตามเพียงผู้เดียวรับไปเต็มๆ 1,131.82 ล้านบาท ทำให้พอร์ตการลงทุนของนักลงทุนทั่วไปเปลี่ยนสถานะจากการขายสุทธิมาเป็นซื้อสุทธิในช่วง 8 วันที่ผ่านมาทันที ก็ยังคงเป็นพฤติกรรมการลงทุนในสูตรเดิมๆ คือ หุ้นลงก็ซื้อทันที ตลาดวานนี้ดัชนีปิดลดลง 6.64 จุด มาปิดที่ระดับ 1,304.71 จุด ยังคงยืนเหนือ 1,300 จุดได้ แม้ว่าระหว่างวันจะมีแรงขายกดดัชนีลงต่ำสุดที่ 1,800.51 จุดก็ตาม ก็ยังไม่หลุด 1,300 จุด คงต้องดูกันต่อไปว่าจะมีการพยุงให้ตลาดยืนเหนือ 1,300 จุดได้หรือไม่ เป็นธรรมดาทุกครั้งที่ดัชนีขยับขึ้น 100 จุด ก็จะมีการขย่มเขย่าและปรับฐานอยู่หลายวัน จนกว่าจะได้ฐานที่แน่นหนา จึงมีการเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้น ดัชนีจะมีการแกว่งตัวขึ้นและลงสลับกัน แต่เชื่อว่าทิศทางตลาดยังคงเป็นบวก โดยดัชนีที่จะแกว่งตัว Side Way Up ต่อไป และนักลงทุนแต่ละกลุ่มก็จะมีการหมุนเวียนกับซื้อและขายเป็นช่วงๆ ไปด้วย ดังนั้น แม้ดัชนีจะมีการปิดในแดนลบ ก็จะสลับกลับขึ้นมาในแดนบวกในวันต่อๆ ไป กลยุทธ์การลงทุนที่ดีคือ การเลือกซื้อหุ้นในช่วงที่ตลาดติด ลบนั่นเอง ที่ผ่านมาดูเหมือนนักลงทุนทั่วไปจะทำได้ดีกว่ากลุ่มอื่นๆแต่บรรยากาศการเก็งกำไรกลับฉุดให้ดัชนีผันผวนในเชิงลบมากขึ้น เพราะกลัวว่าราคายิ่งสูงก็ยิ่งมีความเสี่ยงมาก แต่เมื่อตลาดยังมีวอลุ่มหนาถึง 37,741.67 ล้านบาท แสดงว่ายังมีบรรยากาศการลุ้นที่คึกคัก และการมีหุ้นบวกถึง 261 ตัว ทำให้สะดวกกับการลุ้นเก็งกำไรได้มาก โดยมองว่ากลุ่มหุ้นที่น่าสนใจในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ยังน่ามองที่ SCC, UMI และ RCI กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ น่ามองที่ QH, PS และ TFD กลุ่มขนส่ง ยังคงรับผลบวกจากการอ่อนตัวของราคาน้ำมัน ทำให้น่ามองที่ AAV, ASIMAR และ THAI กลุ่มพาณิชย์ได้รับแรงกดดันจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จะมีการบริโภคมากขึ้น จึงน่ามองที่ CPALL, HMPRO และ LOXLEY หุ้นรายตัวที่เตะตา มี ADVANC, KCE และ CPF เป็นต้น การที่ตลาดยังคงคึกคัก มีวอลุ่มหนาตา ทำให้ยังเป็นจังหวะการลุ้นที่ดี จึงไม่ควรนิ่งเฉย.